นายกรัฐมนตรี เปิดสถานีรถไฟขอนแก่น พร้อมตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการทางคู่ จิระ – ขอนแก่น |
ศูนย์ข่าวร่วมด้วยช่วยชาวบ้าน ฮอต นิวส์ ขอนแก่น |
โดยก่อนพิธีเปิดอาคารสถานีรถไฟขอนแก่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พร้อมคณะได้เข้ากราบสักการะศาลเทพารักษ์หลักเมือง หรือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เทศบาลนครขอนแก่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวจังหวัดขอนแก่น จากนั้นเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟขอนแก่นที่อยู่ห่างราว 600 เมตร เพื่อทำพิธีเปิดอาคารสถานีรถไฟขอนแก่นอย่างเป็นทาง พร้อมตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการทางคู่ และทดลองการเดินรถ ในโครงการพัฒนาระบบโครงข่ายรถไฟทางคู่ เส้นทางชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น โดยมีนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นให้การต้อนรับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวรายงาน จากนั่นนายกรัฐมนตรีกดปุ่มเปิดสถานีรถไฟขอนแก่นอย่างเป็นทางการ
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายและติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลว่า เมื่อรัฐบาลได้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ จนประสบความสำเร็จ อาทิ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การปลดธงแดง ICAO การแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย IUU แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ การจัดสรรที่ดินเพื่อทำกินกับประชาชนอย่างถูกกฎหมาย โดยไกล่เกลี่ยเอาโฉนดที่ดินจากนายทุน – ผู้มีอิทธิพล คืนแก่พี่น้องเกษตรกร 15,000 ราย เป็นที่ดินรวมกว่า 37,000 ไร่ คิดเป็นมูลค่ากว่า 16,000 กว่าล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการรับเรื่องราวร้องเรียนผ่าน “ศูนย์ดำรงธรรม” ในจังหวัดขอนแก่น มีเรื่องร้องเรียน กว่า 518,248 เรื่องและได้รับการแก้ปัญหาแล้ว 517,075 เรื่อง โดย 1,173 เรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ รวมทั้งการแก้ปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำ เชื่อมโยงทรัพยากร จัดตั้งกองทุนยุติธรรม เพื่อช่วยเหลือทางกฎหมาย แก่ผู้ด้อยโอกาส ทั้งหมดนี้เพราะรัฐบาลมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
รัฐบาลยังห่วงใยปัญหาปากท้องและสวัสดิการเจ็บป่วย โดยได้เร่งขยายโครงการประชารัฐสวัสดิการ (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) เพื่อประชาชน 14 ล้านคน (รวมคนพิการ) ได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งจังหวัดขอนแก่น มีจำนวนผู้มีสิทธิ 452,986 คน และใช้สิทธิผ่านเครื่อง EDC ของร้านธงฟ้า และผ่าน Application ถุงเงิน รวมทั้งสิ้น 1,686 ร้านค้า เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระ ยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพิ่มงบประมาณรายหัวขึ้นเป็น 3,600 บาท ริเริ่มระบบ UCEP สำหรับทุกคน สายด่วน 1669 ทั่วประเทศ เข้ารักษาฟรี ทันที ทุกสิทธิ ทุกโรงพยาบาลให้พ้นวิกฤต และบริการสุขภาพอื่น ๆ เช่น นักบริบาลชุมชนดูแลผู้ป่วยติดเตียง ทีมหมอครอบครัวให้บริการสุขภาพถึงบ้านอย่างทั่วถึง
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำในการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ ทุกหมู่บ้าน “ทั่วประเทศ” เข้าถึงโอกาสในการพัฒนา เข้าถึงโอกาสการบริการภาครัฐ ใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษา สร้างอาชีพและรายได้ เกิดการค้าออนไลน์ เกษตรกรขายของเองได้ทั่วโลก สินค้า OTOP ส่งออกได้เอง ไม่ต้องพึ่งคนกลาง ได้รับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย รัฐบาลยังเห็นความสำคัญในการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน – แหล่งน้ำ – ต้นทุนการผลิต – ปฏิรูปการเกษตรอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ต้นทาง – กลางทาง – ปลายทาง เพื่อลดต้นทุน เพิ่มรายได้ เพิ่มผลผลิต อาทิ ด้วยเกษตรแปลงใหญ่ ดูแลสินค้าเกษตร ทั้งข้าว ข้าวโพด ปาล์ม ยางพารา ลำไย ทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการแปรรูป และส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศ รวมทั้งจัดสรรที่ดินทำกินให้ผู้ยากไร้แบบแปลงรวม โดยมอบเอกสารสิทธิ์เข้าทำกินในที่ดินของรัฐ กว่า 310,000 ไร่ พัฒนาเกษตรแปลงใหญ่ กว่า 5 ล้านไร่ เมื่อเกษตรกรรวมตัวกัน จะมีอำนาจต่อรองไม่ถูกกดราคาพืชผล ลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนรวมกลุ่มสหกรณ์การเกษตร – วิสาหกิจชุมชน สนับสนุนให้เกษตรกรใช้ Agri Map เพื่อวางแผนการเพาะปลูก ออกกฎหมายป่าชุมชน เปิดโอกาสให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลผืนป่า และใช้ประโยชน์จากป่าไม้ได้ ปลดล็อกกฎหมายป่าไม้ ให้ประชาชนปลูก “ไม้มีค่า” ในที่ดินกรรมสิทธิ์ ส่งเสริมการปลูกต้นไม้ เป็นการออมเงิน รัฐบาลนี้มุ่งมั่นจะเพิ่มปริมาณน้ำและพื้นที่ป่าทั่วประเทศและภาคอีสาน เพื่อจัดการปัญหาภัยแล้ง
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า รัฐบาลเร่งยกระดับโครงข่ายคมนาคม เพราะเมื่อถนนมา รถไฟมา ความเจริญก็จะตามมา ทั้งการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ – นครราชสีมา (บางปะอิน – โคราช) ระยะทาง 196 กิโลเมตร เป็นรูปแบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง 4 – 6 ช่องทางจราจร จะสามารถเปิดบริการให้พี่น้องประชาชนได้ในต้นปี 2566 พร้อมกับเร่งรัดก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง 324 กิโลเมตร คือ สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี สายพัทยา – มาบตาพุด และ สายบางปะอิน – โคราช เปลี่ยนถนนลูกรังเป็นถนนลาดยางอีก 3,085 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไทย – จีน) ให้พี่น้องชาวอีสานได้ใช้ก่อน วันข้างหน้าลูกหลานก็จะได้ไม่ต้องไปหางานในเมืองหลวง หรือต่างบ้านต่างเมือง และโครงการพัฒนาระบบโครงข่ายรถไฟทางคู่ เพื่ออำนวยความสะดวกและรวดเร็วของการสัญจรทางราง และในอนาคตมีแผนที่จะลงทุนก่อสร้างทางรถไฟเพิ่มอีก 3,688 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีเส้นทางรถไฟทั้งสิ้น 8,526 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 49 จังหวัด แบ่งเป็นทางคู่ 7,324 กิโลเมตร และทางเดี่ยวอีก 1,202 กิโลเมตร
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ามาตรวจราชการทุกครั้งมีแต่ความสุขและความยินดี เพราะคิดถึงประชาชนทุกจังหวัด โครงการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ภาคอีสานมีความแข็งแรงและมั่นคง และกล่าวขอให้ประชาชนมีความสามัคคี อย่าขัดแย้งกัน เพื่อประเทศชาติ เพื่อชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน รัฐบาลพร้อมนำคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าก้าวเดินไปพร้อมกัน เพื่อเป็นการรวมพลังของภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชน เพื่อทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งกับตนเอง ชุมชน สังคม และประเทศชาติต่อไป โดยก่อนลงเวที นายกได้กล่าวเป็นภาษาอีสานกับประชาชนที่มารอต้อนรับว่า คิดฮอดเด้อ คิดฮอดหลายๆ ฮักกันเด้อพี่น้อง ตบท้ายด้วยคิดถึงจึงมาหา พร้อมทั้งฮัมเพลง หยุดตรงนี้ที่เธอออออ ออ ก่อนลงเวที
จากนั้น นายกรัฐมนตรีชมนิทรรศการและวีดิทัศน์ความคืบหน้าผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการ CY Call โครงการขนส่งมวลชน ของจังหวัดขอนแก่น โครงการการก่อสร้างโครงข่ายทางถนนของกรมทางหลวงชนบท
นายกรัฐมนตรีนำรัฐมนตรีนั่งรถไฟขบวนพิเศษ ขอนแก่น-ท่าพระ ณ สถานีรถไฟลอยฟ้า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงจิระ–ขอนแก่น ชื่นชมสถานีรถไฟลอยฟ้าช่วยเพิ่มความสะดวก ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ
เวลา 11.05 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีเดินขึ้นไปยังบนชานชาลาบนทางยกระดับ ณ สถานีรถไฟขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานีรถไฟลอยฟ้าในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงจิระ – ขอนแก่น เพื่อนั่งรถไฟขบวนพิเศษจากสถานีขอนแก่น ไปยังสถานีรถไฟท่าพระ ระยะทาง 10 กม. โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที โดยมีพลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้าราชการและประชนในพื้นที่ร่วมโดยสารรถไฟขบวนพิเศษนี้ด้วย
ทั้งนี้ โครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น เป็นหนึ่งในโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน Action Plan ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2558 มีระยะทางก่อสร้างรวมทั้งหมด 187 กิโลเมตร รวม 18 สถานี โดยเริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 และมีความคืบหน้า โดยได้ทยอยเปิดให้บริการแก่ประชาชน ซึ่งสถานีขอนแก่นเป็น 1 ใน 2 สถานีที่เป็นสถานีรถไฟลอยฟ้า ที่มีการก่อสร้างโดยยกระดับสูงขึ้นจากพื้นดิน ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ จุดตัดเสมอระดับทางรถไฟกับรถยนต์ เมื่อโครงการนี้ก่อสร้างเสร็จจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางจากชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่นจาก 3 ชั่วโมง เหลือเพียง 1 ชั่วโมง 20 นาที และช่วยลดเวลาการขนส่งสินค้าจากเดิม 6 ชั่วโมง เหลือเพียง 2 ชั่วโมง 30 นาที สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านคนต่อปี เป็น 10 ล้านคนต่อปี
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมสถานีรถไฟขอนแก่นว่ามีความทันสมัย พร้อมเดินทักทายประชาชนและสื่อมวลชนร่วมขบวนอย่างเป็นกันเอง
ขอบคุณข่าวและภาพข่าวจาก: คุณก่อสิทธิ์ กองโฉม
สวนสัตว์ขอนแก่น แหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต |
นมคิดดี
นมดีที่คุณแม่รอคอย |
อ.ส.ค.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
“ร่วมด้วยช่วยชาวบ้าน #ร่วมสร้างสังคมให้น่าอยู่”
ท่านสามารถติดตามรับฟังการรายงานสถานการณ์ข่าวสารต่างๆได้ ในรายการ
ร่วมด้วยช่วยชาวบ้าน จันทร์-ศุกร์. เวลา 09.00 -10.00 น
ที่สถานีวิทยุ smilefm101http://www.smilefm101.com ความถี่ FM 101 mHz ขอนแก่น และ Facebook #ร่วมด้วยช่วยชาวบ้านฮอตนิวส์ขอนแก่น
ติตต่อลงโฆษณาประชาสัมพันธ์
โทร 063-4715698, 043-047474 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น